การกลับมาของฮีโร่:
ภาพยนตร์เรื่องนี้พาเรากลับมาพบกับ Indiana Jones (รับบทโดย Harrison Ford) นักโบราณคดีผู้รักการผจญภัยอีกครั้งในปี 1938
การผจญภัยครั้งใหม่:
ครั้งนี้ Indy ได้รับข้อความลึกลับและสมุดบันทึกที่น่าสงสัยของ Henry Jones Sr. (รับบทโดย Sean Connery) พ่อผู้ห่างเหินของเขา ซึ่งเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงในเรื่อง Holy Grail
การแข่งขันกับเวลา:
สมุดบันทึกเผยให้เห็นถึงการไล่ล่า Grail ตลอดชีวิตของ Henry ซึ่งเป็นถ้วยในตำนานที่เชื่อกันว่าสามารถให้ชีวิตอมตะได้
การร่วมทีม:
Indy มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือพ่อของเขาและหยุดยั้งพวกนาซี เขาจึงร่วมทีมกับ Marcus Brody (รับบทโดย Denholm Elliott) และ Elsa Schneider (รับบทโดย Alison Doody) ผู้เชี่ยวชาญด้านงานศิลปะที่อายุน้อยและกระตือรือร้น
การตามหาเบาะแส:
Indy และเพื่อนร่วมทางของเขาติดตามเบาะแสที่ Henry ทิ้งไว้ในสมุดบันทึก พวกเขาเดินทางจากเทือกเขาแอลป์ที่ปกคลุมด้วยหิมะในออสเตรียไปยังเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ที่นั่นพวกเขาเผชิญกับอันตราย catacombs ที่ซ่อนอยู่ และสมาคมลับที่ร้ายกาจซึ่งปกป้อง Grail
พ่อลูกกลับมาพบกัน:
ในที่สุด Indy ก็พบพ่อของเขา แต่การกลับมาพบกันครั้งนี้ไม่ได้อบอุ่น Henry แม้จะอายุมากแล้ว แต่ก็มุ่งมั่นที่จะสานต่อภารกิจค้นหา Grail
บททดสอบแห่งศรัทธา:
การค้นหา Grail กลายเป็นบททดสอบแห่งศรัทธาสำหรับ Jones ทั้งสองคน พวกเขาต้องฝ่าด่านอันตราย แก้ปริศนาโบราณ และเลือกอย่างชาญฉลาดจาก Grail หลายชิ้นที่ดูเหมือนของแท้
การทรยศและการไถ่บาป:
แรงจูงใจที่แท้จริงของ Elsa ถูกเปิดเผย – เธอเป็นสายลับสองหน้าของนาซีที่ทำงานให้กับ Walter Donovan (รับบทโดย Julian Glover) นักธุรกิจไร้ความปราณีที่ร่วมมือกับนาซี
การเผชิญหน้า:
Indy เผชิญหน้าและเอาชนะ Elsa เธอตกลงสู่ความตาย เขายังเผชิญหน้ากับ Donovan ที่พบจุดจบอันน่าสยดสยอง
การเลือกภูมิปัญญาเหนืออมตะ:
ในฉากสุดท้าย Indy must choose Grail ที่แท้จริง Grail ปลอม มอบความอมตะ แต่ต้องแลกด้วยราคาที่น่ากลัว ด้วยคำแนะนำของพ่อ Indy เลือก Grail ที่แท้จริง allowing Henry หนีจากถ้ำที่ถล่ม
บทสรุป:
Indy หนีออกมาพร้อมกับพ่อของเขา ความสัมพันธ์ของพวกเขาแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นจากการผจญภัยร่วมกัน อย่างไรก็ตาม Grail สูญหายไป เป็นเครื่องเตือนใจว่าสมบัติที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่วัตถุ แต่เป็นครอบครัวและประสบการณ์