จุดเริ่มต้น:
ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยการติดตาม “ที.อี. ลอเรนซ์” (ปีเตอร์ โอทูล) ทหารอังกฤษผู้มีภารกิจลับในการเดินทางข้ามทะเลทรายอาระเบียเพื่อทำแผนที่ให้กับกองทัพอังกฤษ ลอเรนซ์เป็นนักโบราณคดีที่หลงใหลในวัฒนธรรมอาหรับ เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตทหารแบบเดิมๆ และใฝ่ฝันถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยการผจญภัย
การเปลี่ยนแปลง:
ระหว่างการเดินทาง ลอเรนซ์ได้พบกับ “เชอรีฟ อาลี” (อเล็ก กินเนส) หัวหน้าเผ่าอาหรับผู้ต่อต้านการปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน ลอเรนซ์รู้สึกทึ่งในความกล้าหาญและความเฉลียวฉลาดของเชอรีฟ เขาเริ่มคลั่งไคล้ในวัฒนธรรมอาหรับ และตัดสินใจทุ่มเทตัวเองให้กับการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวอาหรับ
บทบาทผู้นำ:
ด้วยความรู้ทางทหารและความเชี่ยวชาญในภาษาอาหรับ ลอเรนซ์กลายเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของเชอรีฟ เขาฝึกฝนทหารอาหรับและนำพวกเขาไปสู่ชัยชนะเหนือกองกำลังออตโตมันหลายต่อหลายครั้ง ลอเรนซ์ได้รับการยกย่องจากชาวอาหรับในฐานะวีรบุรุษผู้กอบกู้อิสรภาพ
ความขัดแย้งภายใน:
แม้จะประสบความสำเร็จ แต่ลอเรนซ์ก็ต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในจิตใจ เขาเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมของสงครามและความโหดร้ายที่เกิดขึ้น เขารู้สึกสับสนกับตัวตนของตัวเอง ว่าเขาเป็นทหารอังกฤษหรือเป็นชาวอาหรับ
จุดจบ:
ภาพยนตร์เรื่องนี้จบลงด้วยการตายของลอเรนซ์ เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 1935 ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับชีวิตของลอเรนซ์ แต่ทิ้งไว้ให้ผู้ชมตีความเองว่า เขาคือวีรบุรุษผู้เสียสละหรือเป็นเพียงเหยื่อของสงคราม
ประเด็นสำคัญ:
ความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์:
“ลอเรนซ์แห่งอาระเบีย” ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จทั้งในด้านคำวิจารณ์และรายได้ ได้รับรางวัลออสการ์ 7 รางวัล
จุดเด่น:
มรดก:
“ลอเรนซ์แห่งอาระเบีย” ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ทรงอิทธิพลต่อภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ มากมาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นหลัง ในการสร้างภาพยนตร์มหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำ